ดอกคำฝอย

ดอกคำฝอย

ประโยชน์และสรรพคุณดอกคำฝอย

  1. ช่วยขับระดู
  2. บำรุงประสาท
  3. บำรุงหัวใจ
  4. บำรุงโลหิต
  5. แก้ตกเลือด
  6. แก้ดีพิการ
  7. ช่วยขับเหงื่อ
  8. ช่วยระงับประสาท
  9. แก้ไข้ในเด็ก
  10. แก้ดีซ่าน
  11. แก้ไขข้ออักเสบ
  12. แก้หวัด น้ำมูกไหล
  13. แก้โรคฮิสทีเรีย
  14. รักษาอาการบวม
  15. รักษาท้องเป็นเถาดาน
  16. เป็นยาระบาย
  17. รักษาอาการไข้หลังคลอด
  18. ระงับอาการปวดในสตรีที่รอบเดือนมาไม่เป็นปกติ
  19. บำรุงคนเป็นอัมพาต
  20. แก้แสบร้อนตามผิวหนัง
  21. สามารถปกป้องการทำลายส่วนต่างๆของร่างกายจากอนุมูลอิสระ
  22. เพิ่มประสิทธิภาพระบบการไหลเวียนของเลือด
  23. รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับเลือดคั่ง เช่น โรคหลอดเลือดสมองแตก
  24. เพิ่มระดับคอลเลสเตอรรอลชนิดดี
  25. ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ประโยชน์ในด้านอื่นๆของดอกคำฝอย

  • ตากแห้งสำหรับชงน้ำร้อนดื่มแทนชา หรือ ต้มผสมน้ำตาลเล็กน้อย ให้กลิ่นหอม
  • ตากให้แห้ง และบด เพื่อสกัดเป็นสีย้อมผ้าที่ได้จากสีเหลืองของสารคาร์ทามีดีน (carthamidine)สีแดงสารคาร์ทามีน (carthamine) สามารถย้อมติดได้ดีในเส้นใยฝ้ายหรือเส้นใยจากพืช
  • ใช้ผสมอาหาร อาทิ ผสมเนยแข็ง และปรุงอาหาร เป็นต้น
  • น้ำมันจากเมล็ดดอกคำฝอย และกลีบดอกสามารถนำมารับประทาน บำรุงเส้นผม บำรุงผิว เสริมสุขภาพ
  • ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์เลี้ยง
  • ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม
  • น้ำมันคำฝอยใช้เป็นวัตถุดิบผลิต Alkyd resins สำหรับเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสี และกาวเหนียว
  • ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นในกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมทอผ้า เป็นต้น
  • ใช้เป็นน้ำมันเคลือบผิววัสดุให้มีความมันเงา ป้องกันสนิม เช่น งานไม้ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ในอินเดียใช้เคลือบรักษาคุณภาพหนังสัตว์ เสื้อผ้าผลิตภัณฑ์เครื่องทอป้องกันการเปียก
  • กากของเมล็ด ใบ ลำต้นแห้ง ใช้หมักผสมกับมูลสัตว์เป็นปุ๋ยคอกหรือทำเป็นปุ๋ยพืชสด
  • ดอกของคำฝอยยังทำมาชงน้ำร้อนดื่มเพื่อสุขภาพได้แบบเก็กฮวยหรือน้ำชาได้อีกด้วย

ในประเทศจีนนิยมใช้น้ำมันจากเมล็ดหรือกลีบดอกคำฝอยสำหรับประกอบอาหาร เพราะสามารถให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง มากกว่า 90% และให้ชื่อน้ำมันคำฝอยว่า king of the linoleic acid เพราะประกอบด้วยกรดไขมันลิโนเลอิกมากถึง 80% ที่มีบทบาทสำคัญต่อการลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแข็ง (arteriosclerosis) และลดคลอเรสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซอไรด์

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของคำฝอย

ดอกคําฝอย เป็นยาบํารุงโลหิต บํารุงประสาท แก้โรคผิวหนัง ลดไขมันใน เส้นเลือด และ ช่วยป้องกันไขมันอุดตัน
น้ำมันของดอกคําฝอยมี ส่วนประกอบของกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวใน ประมาณสูง (ประมาณร้อยละ 75) จึงเชื่อว่าจะทําให้ประมาณโคเลสเตอรอล ในเลือดต่ำลง และจากผลการวิจัยในสัตว์ทดลองและในคน พบว่า เมล็ด น้ำมันดอกคําฝอยช่วยทําให้ปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้จริง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะกรดไลโนเลอิกจะไปทําปฏิกิริยากับโคเลสเตอรอลในเลือด ได้เป็นโคเลสเตอรอลไลโนเลเอท (choloesterol linoleate) และยังมีรายงานว่า น้ำมันดอกคําฝอยทําให้ ฤทธิ์ของเอนไซม์ ที่ใช้ใน การสังเคราะห์กรดไขมันลดลงอีกด้วย จากผลการวิจัยในสัตว์ทดลองและในคนพบว่า น้ำมันดอกคําฝอยจะช่วยให้ การอุดตันของไขมันในหลอดเลือดลดลง และช่วยป้องกันการอุดตันของ ไขมันในเลือดได้ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากน้ำมันดอกคําฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด
– Kim และคณะ ได้ศึกษาสารสกัดเมล็ดคำฝอยในประเทศเกาหลี (Carthamus tinctorious L.) ต่อการเสริมสร้างกระดูกในหนูทดลอง พบว่า ผลของการใช้สารสกัดจากดอกคำฝอยสามารถเสริมสร้างกระดูก ด้วยการกระตุ้นกระบวนการสร้าง และซ่อมแซมกระดูกในหนูทดลองได้– Moon และคณะ ได้ศึกษาการใช้สารสกัดเมล็ดคำฝอยต่อปริมาณคอเลสเทอรอลในหนูทดลองพบว่า การให้สารสกัดเมล็ดคำฝอยที่สกัดด้วยน้ำ และเอธานอล ในช่วง 5 สัปดาห์ สามารถลดระดับคอเลสเทอรอล และไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม
– Rallidis และคณะ ได้ทดลองให้อาหารที่ผสม alpha linolenic acid (ALA, 18:3n-3) จากน้ำมันลินสีด (linseed oil) และ linoleic acid (LA, 18:2n-6) จากน้ำมันเมล็ดคำฝอยแก่ผู้ป่วย dyslipidaemic patients พบว่า อาหารที่ผสม ALA จากน้ำมันลินสีดสามารถลด C-reactive protein (CRP), interleukin-6 (IL-6) และ serum amyloid A (SAA) อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนอาหารที่ผสม LA จากน้ำมันเมล็ดคำฝอยไม่มีผลต่อความเข้มข้น CRP, IL-6 และSAA แต่สามารถลดระดับคอเลสเทอรอลได้
– Koji และคณะ ได้ศึกษาผลของ conjugated linoleic acid (CLA) จากน้ำมันคำฝอยต่อเมทาบอลิซึม (metabolism) ในหนูทดลองด้วยอาหารที่มีน้ำมันคำฝอยร้อยละ 9 ผสมกับร้อยละ 1 ของ CLA เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่า ปริมาณไตรเอซิลกลีเซอรอล (triacylglycerol) ในเลือด และตับของหนูทดลองในกลุ่มที่ได้รับ CLA ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม โดย CLA ช่วยเพิ่มอัตราการใช้ออกซิเจน และการใช้พลังงาน ส่วนการทดลองที่ 2 ที่ให้อาหารร้อยละ 9 ของน้ำมันคำฝอยผสมกับร้อยละ 1 ของ 9c,11t-CLA-rich oil หรือ 10t,12c-CLA และอาหารร้อยละ 9 น้ำมันดอกคำฝอยผสมกับร้อยละ 1 ของ 10t,12c-CLA-rich oil พบว่า ปริมาณไตรเอซิลกลีเซอรอลในเลือด และตับของหนูทดลองในกลุ่มที่ได้รับ 10t,12c-CLA ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ 9c,11t-CLA
– Nishizono และคณะ ได้ศึกษาการสะสม triacylglycerols ในลำไส้หนูทดลองด้วยการเก็บอุจจาระหนูทดลองก่อน และหลังการให้อาหาร AIN-76 ที่ผสมน้ำมันดอกคำฝอยร้อยละ 5 ที่เลี้ยงประมาณ 4 เป็นเวลา 1, 3, และ 6 เดือน พบว่า อัตราการดูดซึมไขมันของหนูทดลองดีขึ้นร้อยละ 95
– มีรายงานทางคลินิก พบว่า สารสกัดจากดอกคำฝอย มีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูก และฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยทำให้มดลูก และกล้ามเนื้อเรียบหดตัวได้ แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณมากจนเกินไป อาจจะทำให้มดลูกเป็นตะคริวได้
– ค.ศ. 1976 ประเทศอเมริกา ได้ทำการทดลองในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (ชาย 122 คนและหญิง 19 คน) ด้วยการให้รับประทานน้ำมันดอกจากดอกคำฝอยทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ (วันละ 57 กรัม) ผลการทดลองพบว่า น้ำมันจากดอกคำฝอย สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตและระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอลได้ และยังมีผลการสร้าง Prostaglandin ที่เป็นผลให้ High Density Lipoprotein เพิ่มขึ้น
– ค.ศ. 1989 ประเทศอังกฤษ ได้ทำการทดลองน้ำมันดอกคำฝอยในผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูงชนิด Mild hypertension โดยให้รับประทานน้ำมันจากดอกฝอยทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ (วันละ 5.9 กรัม) ผลการทดลองพบว่า ค่าความดัน Systolic ลดลงมา 6.5 mm.Hg และค่าความดัน Diastolic ลดลงมา 4.4 mm. จึงสรุปได้ว่าน้ำมันดอกคำฝอยมีผลในการช่วยลดความดันโลหิตได้จริง
– การศึกษาฤทธิ์กระตุ้นการงอกของผมของสารสกัด 50% เอทานอลจากดอกคำฝอยซึ่งอุดมไปด้วยสาร hydroxysafflor yellow A ในเซลล์ dermal papilla และ human keratinocytes (HaCaT) พบว่าสารสกัด ความเข้มข้น 0.005-1.25 มก./มล. จะกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเซลล์ทั้งสองชนิดได้ 166.02 ± 4.89% และ 114.83 ± 6.83% ตามลำดับ สารสกัดที่ความเข้มข้น 0.25-1.00 มก./มล. มีฤทธิ์เพิ่มการแสดงออกของ vascular endothelial growth factor mRNA และ keratinocyte growth factor mRNA ซึ่งเกี่ยวข้องกับการงอกของผม และลดการแสดงออกของ transforming growth factor-β1 mRNA ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหลุดร่วงของผม สารสกัดดอกคำฝอย ความเข้มข้น 50-200 มคก./มล. ยังมีผลเพิ่มความยาวของเซลล์รากผม (hair follicles) ของหนูเม้าส์ได้เทียบเท่ากับยา minoxidil (50 มคก./มล.) และเมื่อทาสารสกัด ขนาด 0.05, 0.1 และ 0.5 มก./มล. ลงบนผิวหนังที่ถูกโกนขนของหนูเม้าส์ เป็นเวลา 15 วัน พบว่าความเข้มข้น 0.1 มก./มล. สารสกัดสามารถกระตุ้นการงอกของเส้นขนของหนูได้เทียบเท่ากับยา minoxidil ที่ความเข้มข้นเดียวกันและไม่ทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพของเส้นขน สรุปว่าสารสกัดจากดอกคำฝอยมีศักยภาพในการที่จะนำมาใช้เป็นสารกระตุ้นการงอกของผมได้

การศึกษาทางพิษวิทยาของดอกคำฝอย
จากการศึกษาพิษเฉียบพลันในหนูถีบจักรของสารสกัด 50% แอลกอฮอล์จากดอกคำฝอยพบว่าค่า LD50 มีค่ามากกว่า 10 กรัม/กิโลกรัม เมื่อให้โดยการป้อนหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และไม่พบการก่อให้เกิดการกลายพันธุ์

เอกสารอ้างอิง
1. The State Pharmacopoeia Commission of P.R. China. Pharmacopoeia of the People’s Republic of China. Vol.I. English Edition. Beijing: People’s Medical Publishing House, 2005.
2. ลีนา ผู้พัฒนพงศ์, ก่องกานดา ชยามฤต, ธีรวัฒน์ บุญทวีคุณ (คณะบรรณาธิการ). ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544). สำนักวิชาการป่าไม้. กรมป่าไม้. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ประชาชน จำกัด, 2544.
3. Mei XH. Shiyong Zhongyao Paozhi Zhinan. 1st ed. Hubei: Hubei Science & Technology Publishing House, 2005.
4. วุฒิ วุฒิธรรมเวช. คัมภีร์เภสัชรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ศิลป์สยามบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จำกัด, 2547.
5. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธำรง, ทรงพล ชีวะพัฒน์, เอมมนัส อัตตวิชญ์ (คณะบรรณาธิการ). ประมวลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา, 2546.
6. ดอกคำฝอย.พืชเกษตร.คอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://puechkaset.com
7. Ekin , Z. (2005). Resurgence of safflower (Carthamus tinctorius L.) utilization: a global view. Journal of Agronomy , 4(2) , 83-87.
8. Yoon , H. R., Han , H. G., & Paik , Y.S. (2007). Flavonoid glycosides with antioxidant activity from the petals of Carthamus tinctorius. Carbon, 1(2), 3.
9. Asgarpanah, J., & Kazemivash, N. (2013). Phytochemistry , pharmacology and medicnal properties of Carthamus tinctorius L. Chinese journal of integrative medicine , 19(2), 153-159.
10. Yaginuma, S., & lgarashi, K. (1999). Protective effects of hot water extracts from rats. Food Science and Technology Research, 5(2), 164-167.
11. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, (2551).ดอกคำฝอย ในคู่มือการใช้สมุนไพรไทย-จีน (เย็นจิตร เตชะดำรงสิน, บรรณาธิการ) หน้า 101-103. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิม องค์การทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์
12. มงคล โมกขะสมิต, กมล สวัสดีมงคล, ประยุทธ สาตราวาหะ.การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. ใน: ปราณี ชวลิตธำรง, ทรงพล ชียวะพัฒน์, เอมมนัส อัตตวิชญ์ (คณะบรรณาธิการ).ประมวลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1 พิมพ์ครั้งที่ 1 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา, 2546
13. Emongor , V. (2010). Safflower (Cathamus tinctorius L.)the underutilized and neglected crop: A review. Asian J. Plant Sci, 9, 299-306.
14. วุฒิ วุฒิธรรมเวช . หนังสือร่วมอนุรักษ์มรดกไทย สารานุกรมสมุนไพรไทย
15. คำฝอย.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก http://thaicrudedruy.com/maim.php?action=viewpage&pid=42
16. คำฝอย กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด.สรรพคุณสมุนไพรแบ่งตามกลุ่มอาการ.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบริมราชกุมารี.(ออนไลน์เข้าถึงได้จาก http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_01_1.htm
17. สมุนไพร: ยาไทยที่ควรรู้. Bangkok: Amarin Printing and Publishing Plc., 1999.
18. Tiengbooranatham, Vit Dictionary of Thai Medicinal Plants, 4th ed. Bangkok: Suriyabarn Publishing, 1996
19. ฤทธิ์ของสารสกัดดอกคำฝอย ในการกระตุ้นการงอกของผม. ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล